วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ปัจจัยในการดําเนินธุรกิจ
เป้าหมายการประกอบธุรกิจ คือกำไรสูงสุด และการดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จต้องอาศัยปัจจัยพื้นฐานซึ่งมีองค์ประกอบด้วยกัน 4 ประเภท ที่เรียกว่า 4 M ได้แก่
1. คน (Man) ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะธุรกิจต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความคิดของคน
มีคนเป็นผู้ดำเนินการหรือเป็นผู้จัดการ ทำให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจหลายรูปแบบ ซึ่งในวงจรธุรกิจมีคน
หลายระดับ หลายรูปแบบ ทั้งระดับ ผู้บริหาร ผู้ใช้แรงงานร่วมกันดำเนินการ จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ
2. เงิน (Money) เงินทุนเป็นปัจจัยในการดำเนินธุรกิจอีกชนิดหนึ่งที่ต้องนำมาใช้ในการลงทุนเพื่อให้เกิดการประกอบธุรกิจ โดยธุรกิจแต่ละประเภทใช้ปริมาณเงินที่แตกต่างกัน ธุรกิจขนาดใหญ่ย่อมใช้เงินทุนสูงกว่าธุรกิจขนาดเล็กกว่า ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจจึงต้องมีการวางแผนในการใช้เงินทุน และการจัดหาเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจไม่ประสบปัญหาด้านเงินทุน และก่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดคุ้มกับเงินที่นำมาลงทุน
3. วัสดุหรือวัตถุดิบ (Material) ในการผลิตสินค้าต้องอาศัยวัตถุดิบในการผลิตค่อนข้างมาก ผู้บริหารจึงต้องรู้จักการบริหารวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดต้นทุนด้านวัตถุดิบต่ำสุด อันจะส่งผลให้ธุรกิจมีผลกำไรสูงสุดตามมา
4 . วิธีปฏิบัติงาน (Method) เป็นวิธีการในการปฏิบัติงานในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งต้องมีการวางแผนและควบคุม เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ เกิดความคล่องตัว สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกกิจการ
การเลือกทำเลที่ตั้ง
การเลือกทำเลที่ตั้งสถานประกอบธุรกิจ หมายถึง การจัดหาหรือสรรหาสถานที่ สำหรับประกอบธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึง กำไร ค่าใช้จ่าย พนักงาน ความสัมพันธ์กับลูกค้าความสะดวก ตลอดจนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่ดีตลอดระยะเวลาที่ประกอบธุรกิจนั้น
ความสำคัญในการเลือกทำเลที่ตั้งสถานประกอบธุรกิจ
การเลือกทำเลที่ตั้งสถานประกอบธุรกิจ มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์การธุรกิจ กล่าวคือหากเลือกทำเลที่ไม่เหมาะสม จะทำให้องค์การธุรกิจ ประสบปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ค่าขนส่งสูง เนื่องจากสถานประกอบธุรกิจอยู่ไกลจากแหล่งวัตถุดิบ และตลาด นอกจากนี้ อาจขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ ขาดแคลนวัตถุดิบ รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการผลิต และการปฏิบัติงานขององค์การธุรกิจ โดยทั่วไปลักษณะของทำเล จะไม่มีลักษณะใด ที่ดีกว่ากันอย่างชัดเจน แต่จะเกิดจากการพิจารณาลักษณะดีของแต่ละทำเล นำมาประกอบกัน เพื่อการตัดสินใจเลือกที่ใช้ตั้ง สถานประกอบธุรกิจ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต ให้น้อยที่สุดการเลือกทำเลที่ตั้งสถานประกอบธุรกิจต่าง ๆ โดยทั่วไปมักจะพยายามหาแหล่ง หรือทำเลที่ทำให้ต้นทุนรวม ของการผลิตสินค้าและ บริการที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แต่ลักษณะของการประกอบธุรกิจและสถานที่ประกอบกิจการย่อมแตกต่างกันในเรื่องของชนิดสินค้า ค่าใช้จ่ายและการลงทุน ดังนั้นการพิจารณาเลือกทำเลจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ หลายประการเพราะการเลือกทำเลที่ตั้ง มีความสำคัญต่อการ ดำเนินงานขององค์การธุรกิจต่าง ๆ เช่น การวางแผนระบบการผลิต การวางผังโรงงาน การลงทุน และรายได้ เป็นต้น
เทคนิคการขาย

เทคนิคการขาย คือ กลวิธีที่ผู้ขายโน้มน้าวใจให้ผู้ซื้อด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในด้านการสื่อสาร การโฆษณา เช่น ลงประกาศฟรีเป็นช่องทางเพิ่มยอดขาย เป็นต้น ส่วนใหญ่จะอาศัยหลักทางจิตวิทยา โดยมีจุดมุ่งหมายคือให้ผู้ซื้อ ซื้อสินค้าของตน และปิดการขายได้เร็ว ดีและตรงตามที่ต้องการ ซึ่งวันนี้จะนำเทคนิคการขายดีๆ ที่จะช่วยให้การขายของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นมาฝากดังนี้
1)เทคนิคที่ต้องใส่ใจก่อนการซื้อขาย
แม้จะยังไม่มีการขายเกิดขึ้น แต่ในช่วงขั้นตอนก่อนขายเกิดขึ้นก็สำคัญอย่างมาก เพราะถ้ามีการเริ่มต้นที่ดี สิ่งที่ตามมาก็จะดี สร้างความประทับใจในการซื้อขายได้ ซึ่งในหัวข้อเทคนิคนี้ มีดังนี้
1.1 หาช่องทางการขายที่เหมาะสม
ช่องทางการขาย คือ ลู่ทางหรือหนทางที่เราจะกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ดังนั้นก่อนขายสินค้าทุกครั้ง ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราขายอะไร ผู้บริโภคเป็นใคร และสำคัญที่สุด คือ จะมีช่องทางการขายยังไงบ้าง การเลือกช่องทางการขายที่ถูก จะช่วยให้เราได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
1.2 จัดเตรียมโปรโมชั่นกระตุ้นการซื้อ
เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมเวลามีป้ายเซลล์ทีไร คนมักวิ่งเข้าหาทุกที เพราะนี่เป็นโปรโมชั่นซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการตลาดนั่นเอง โปรโมชั่น คือ ข้อเสนอพิเศษสำหรับการซื้อขาย โดยหลังจากที่ได้ช่องทางการขายแล้ว ให้เริ่มจัดเตรียมโปรโมชั่นทันที การจัดเตรียมโปรโมชั่นแทบจะทำได้ทุกเทศกาลหากเราสามารถนำมาประยุกต์ได้ เช่น ฉลองเปิดร้านใหม่, วันปีใหม่, วันวาเลนไทน์, ฉลองร้านครบ 1 ปี เป็นต้น
1.3 สร้างความน่าเชื่อถือให้ร้านค้า
วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือให้ร้านค้า สามารถทำได้โดยการโฆษณา การรีวิวของผู้ซื้อ เพื่อให้คนอื่นรู้จักร้านเรา(ในแง่ดี)มากขึ้น โดยทั่วไปการสร้างความน่าเชื่อถือจะหนักไปที่การขายสินค้าที่มีคุณภาพ แม่ค้ามีจรรยาบรรณ ความรวดเร็วในการบริการ สิ่งเหล่านี้ถ้าลูกค้าได้รับความพึงพอใจก็นิยมนำไปบอกต่อกัน
2) เทคนิคการขายระหว่างทำการซื้อขาย
เทคนิคในการขายสามารถนำมาใช้ในช่วงที่มีการขายได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับทักษะและการนำมาใช้ ซึ่งการขายไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือหน้าร้าน ก็มีเทคนิคที่ไม่ต่างกัน
3)เทคนิคการขายหลังการซื้อขาย
โดยทั่วไปสินค้าที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมาก เมื่อขายไปแล้วก็มักจะแล้วกันไป เพราะถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ว่า ผู้ขายได้ขาย-ผู้ซื้อได้ซื้อ แต่ความเป็นจริงความคิดนี้ผิดมหันต์ เพราะการขายที่ดี แม้จะซื้อขายกันเรียบร้อยแล้วก็ควรให้ความดูแลและให้คำปรึกษากันต่อไปได้ เพื่อให้เกิดความประทับใจสูงสุด สำหรับเทคนิคการขายหลังการซื้อขายมีดังนี้
3.1 บริการหลังการขาย
3.2 จำลูกค้า/รักษาลูกค้าไว้
3.3 แถมของเล็กๆ น้อยๆ
วิธีทำทีละขั้นตอน
1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ
2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด
คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ
4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก
และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ
5. นำเมล็ดทับทิม
ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด
(ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ
ส่วนผสม
หลักการเลือกวัตุดิบ
สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำทับทิมกรอบรวมมิตรหลักๆประกอบด้วยเนื้อแห้วหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า,แป้งมัน,น้ำหวานสีแดง,กะทิสด,น้ำตาล,เกลือ,ดอกมะลิและน้ำเชื่อมเป็นต้น
การเลือกสรรวัตถุดิบนั้น
“แห้วที่ใช้ทำทับทิมกรอมนั้นจะต้องสั่งที่เป็นผลใหญ่ๆเพราะเวลาทำจะทำให้ตัวขนมนั้นกรอบอร่อย”
ในส่วนของอุปกรณ์การทำนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวเรือนทั่วไปอยู่แล้ว
ประวัติความเป็นมา
"ทับทิมกรอบ” นั้นแต่เดิมเป็นของกินเล่นของชาวบ้าน แต่ที่มาโด่งดังเพราะชาววังไปจำสูตรของชาวบ้านมาลองทำดู
เรื่องนี้มีบันทึกจากคำบอกเล่าของเจ้าจอมมารดาสดับ ในรัชกาลที่ 5 กล่าวถึง “พระวิมาดาเธอฯ
กรมพระสุทธาสินีนาฏ” พระอัครชายาในรัชกาลที่
5 ซึ่งทรงเป็นเจ้านายสตรีไทยสี่แผ่นดิน ที่มีความสามารถในการครัว เป็นเลิศ
ทรงกำกับดูแลเครื่องต้น
โดยทรงเป็นผู้ปรุงพระกระยาหารขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเป็นประจำ
ฝีมือในการปรุงอาหารหวานของวิมาดาเธอฯ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วเหล่า พระประยูรญาติ
และข้าหลวงฝ่ายในราชสำนัก
เจ้าจอมมารดาสดับเคยตรัสเล่าไว้ว่า
“สมัยที่พระวิมาดาเธอฯ ยังทรงพระเยาว์
ท่านเป็นเด็กที่เอางานเอาการ
เมื่อมีพระชันษาเพียง 9 ปี สมัยนั้นกุฎีจีน
(ปัจจุบันคือบริเวณหน้าโบสถ์ซานตาครูส
ฝั่งธนบุรี ติดกับวัดกัลยาฯ) เป็นที่อยู่อาศัยของคนไทยเชื้อสายโปรตุเกส
ที่อพยพมา เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งสุดท้าย
ผู้ที่มีเชื้อสายตะวันตกเหล่านี้
เป็นผู้ที่มีฝีมือในการทำขนม
ขนมไข่หรือ หรือขนมฝรั่ง “กุฎีจีน
เป็นขนมที่ขึ้นชื่อมาก เป็นการอนุรักษ์วิธีทำขนมเค้กของคนโปรตุเกสที่มาตั้งถิ่นฐาน
อยู่ในพระนครศรีอยุธยาเมื่อสี่ร้อยปีที่ผ่านมารวมทั้งการทำขนมหวานตามตำรับโปรตุเกส ที่คนไทยรู้จักในนามของ “ขนมท้าวทองกีบม้า” นอกจากนั้นที่กุฎีจีนยังมีผู้ทำเม็ดทับทิมกรอบงานใคร
มีเม็ดทับทิมดังกล่าวในโถกลาง สำรับอาหารละก็ เป็นเก๋ทีเดียว”
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

















